BMW 4 Series Coupe
ชิวก็ได้ ซิ่งก็มันส์
- Shares:
2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ลองทดสอบรถยนต์ BMW ในตระกูล Series 4 วันที่ผมเอารถ BMW 420d Coupe M Sport จาก BMW Thailand มา Test Drive ผมโทรหาพี่เจี๊ยบ คฑาทอง ไวทยานนท์แห่งสยามกีฬา เพื่อถามถึงความเห็นของพี่ต่อรถรุ่นนี้
ซิ่ง ตัว 420d ตัวนี้ขับสนุกนะ แรง ปราดเปรียว เกาะถนน จังหวะแซง เข้าโค้ง เยี่ยมเลย แต่ตัวนี้มันแรงนะ ถ้าขับในโหมด Sport ยังไงก็ค่อยๆ กดคันเร่งละกัน เดี๋ยวเอาไม่อยู่ แต่พี่เชื่อว่าซิ่งเอาอยู่นะ
หลังจากฟังพี่เจี๊ยบเสร็จ ก็สงสัยในประโยคหลังว่ามันแรงนะ ค่อยๆ กดละกัน ที่สงสัยเพราะระหว่างทางที่ขับมายังอยู่ในเมือง ซึ่งการจราจรยังคับคั่ง ยังไม่มีจังหวะเร่งยาวๆ ให้สัมผัสถึงขุมกำลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ สุดยอดเทคโนโลยีของ BMW TwinPower Turbo
ผมรู้เพียงว่า รถคูเป้ 2 ประตูรุ่นนี้ ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ในเมืองหลวง จังหวะรถติดปรับโหมด Sport ไว้ หากค่อยเหยียบคันเร่ง ก็จะได้ฟิลลิ่งการขับที่นุ่มนวล นั่งสบาย จังหวะไหนที่ต้องการเร่งแซงในระยะทางสั้นๆ กดคันเร่งเพียงเล็กน้อยก็สามารถเร่งแซงได้อย่างคล่องตัว และรวดเร็ว ไม่กระชากกระชั้น
เช้าวันที่ 2 หลังจากที่ผมเอารถมาลอง ผมมีเป้าหมายเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งใช้รถ BMW 520d รุ่น 10 ปีที่แล้วอยู่ วันนี้เป็นวันที่มีโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะของตัว 420d อย่างเต็มที่ ช่วงแรกของเส้นทางรังสิตนครนายก ผมใช้เกียร์ออโต้ในโหมด Sport ซึ่ง BMW บอกว่าในโหมด SPORT ระบบจะปรับการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบสปอร์ต ให้มีรอบที่สูงขึ้น และปรับระบบช่วงล่างให้เกาะถนนเพื่อเพิ่มอรรถรสการขับขี่ให้เร้าใจมากขึ้น
ตลอดเส้นทางรังสิต-นครนายกช่วงต้นๆ ก่อนถึงคลอง 11 เป็นช่วงที่รถเพื่อนร่วมทางคันอื่นใช้ความเร็วกันไม่สูงนัก และมีช่วงกลับเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้การขับรถมาย่านนี้รู้สึกอึดอัดทุกครั้ง แต่สำหรับ BMW 420d กลับไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด กลับรู้สึกสนุกขึ้นกับการทดสอบสมรรถนะของ BMW อย่างแท้จริง ด้วยอัตราเร่งที่รู้ใจคนขับ ตอบสนองความต้องการของผมได้เป็นอย่างดี จังหวะการแซงที่เราวางแผนไว้แล้วว่า เราจะเข้าออกรูไหน เพื่อให้ผ่านช่องว่างระหว่างรถที่ขับไม่เร็วนัก มันสามารถตอบสนองตามที่ใจคิดได้เป็นอย่างดี
ข้อดีที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ คือกำลังของรถมันแรงเหลือพอที่จะแซงรถคันหน้าให้พ้นด้วยระยะห่างมากพอ ก่อนที่จะปาดหน้ารถคันนั้น แล้วเขาไม่ได้รู้สึกว่าเราแซงในจังหวะคับขัน จนเขาตกใจ กำลังจะบอกว่ามันสามารถปาดหน้ารถคันที่เพิ่งแซงมาได้ด้วยท่าทีที่สุภาพและนุ่มนวลครับ
เรื่องระบบเบรคก็เป็นอีกระบบที่ถูกทดสอบในเส้นทางนี้ ระบบเบรคดีมาก จนเราทำให้เรารู้สึกว่า สามารถใช้ความเร็วสูงๆ ได้แบบสบายใจ และมั่นใจมาก ต่างจากระบบเบรคของรถที่ระบบเบรคไม่ดีนัก ซึ่งเราอาจจะรู้สึกกังวลหน่อยๆ เวลาที่ใช้ความเร็วสูงขนาดนี้
ช่วงรังสิต- นครนายกตั้งแต่คลอง 11 เป็นต้นไป ผมเปลี่ยนมาเล่นโหมดเกียร์ Manual โดยผมเปลี่ยนเกียร์เองโดยใช้ Paddle Shift ซึ่งอยู่หลังพวงมาลัย โหมดการขับขี่นี้เองที่พี่เจี๊ยบเตือนผมว่า ค่อยๆ เหยียบนะ เพราะช่วงหนึ่งที่ผมติดไฟแดงเป็นคันแรก ซึ่งหลังไฟแดงเป็นทางตรงและยาวพอสมควร เมื่อสิ้นสุดไฟแดง ผมเร่งเครื่องและค่อยๆ เปลี่ยนเกียร์ 1,2,3 ไปจนถึงเกียร์ 6 หน้าปัทม์โชว์ความเร็วที่ 180 กม./ชั่วโมง ภายในเวลาสั้นมาก ผมไม่ได้จับเวลาเอาไว้ในขณะนั้น รู้แต่ว่าเร็วมาก ให้เดาก็คงไม่น่าถึง 30 วินาที แต่พอมาเปิดดูในยูทูบที่มีคนเคยทดสอบไว้ ปรากฎว่าจริงอย่างที่คิดไว้ ในยูทูบเขาใช้เวลาในการเร่งจาก 0-180 กม./ชั่วโมง เพียง 19 วินาทีเท่านั้น และ 0-220 กม./ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 31 วินาที ผมมาดูยูทูปทีหลังอดเสียดายไม่ได้ เหยียบต่ออีกสัก 10 วินาที ความเร็วก็จะขึ้นมาถึง 220 กม./ชั่วโมงแล้ว
อันที่จริงแล้วผมเคยทดสอบ BMW ตัว 320d มาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ผมรู้สึกว่าอัตราเร่งของทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก ในช่วงต้น อัตราเร่งแซงในการขับขีในเมืองดีมาก แต่ตัว 420d จะให้อัตราเร่งที่ดีอย่างเห็นได้ชัดในช่วงความเร็วตั้งแต่ 120 กม./ชั่วโมงเป็นต้นไป ดูจากคลิปการทดสอบของเมืองนอกก็น่าจะเป็แบบนั้น
ช่วงเส้นทางจากนครนายกเข้าปราจีนเป็นอีกช่วงที่สนุกมากในการทดสอบ เพราะเป็นเส้นทางถนน 2 เลน รถสวนกันได้ ช่วงนี้จะเป็นช่วงทดสอบที่ทำให้ผมประทับในสมรรถนะของ BMW คันนี้มาก จังหวะเร่งแซงไม่ต้องสงสัย เหลือๆ แน่ๆ แทบไม่ต้องลุ้นทุกครั้งที่เร่งแซง
สิ่งที่ประทับใจในการขับช่วงนี้ เมื่อเทียบกับรถที่แต่งเพิ่มให้แรง กับรถที่แรงตามมาตรฐาน BMW คือ รถที่โมเพิ่มให้แรง เราจะไม่ได้รู้สึกถึงความปลอดภัย สบายใจมากนัก แต่สำหรับ BMW การควบคุมรถ ระบบพวงมาลัย ระบบเบรคช่วยให้เรามั่นใจ และรู้สึกถึงความปลอดภัยในการขับขี่มากๆ
หลังจากที่ผมขับถึงบ้านเพื่อนที่ปราจีนบุรี ก็ลองให้เพื่อนทดสอบขับดู เห็นเขาบอกว่ารู้สึกแปลกใจที่ BMW 420d M Sport ใส่แม็กซ์ขนาด 19 นิ้ว กลับไม่รู้สึกกระด้างเลย รู้สึกนุ่มกว่า 520d รุ่นเก่าของเขาเสียอีก เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีระบบช่วงล่างของ BMW ในรุ่นปัจจุบันพัฒนาขึ้นมาดีมาก และอัตราเร่งดี ที่นั่งด้านหลัง กว้างขวาง แม้ว่าจะเป็นรถ 2 ประตูก็ตาม อาจจะเข้าออกลำบากเล็กน้อย แต่เมื่อเข้าไปนั่งแล้ว รู้สึกสบาย และกว้าง มีอีกเรื่องที่เพื่อนผมประทับใจคือ ระบบกระจกแบบไม่มีขอบประตูของรุ่นนี้ ทำมาได้ดี ไม่มีเสียงลมเข้าระหว่างขับขี่
หลังจากจบทริปนี้ตรวจสอบอัตราสิ้นเปลืองพบว่า อัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ด้วยโหมด Sport ตลอดทริปอยู่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งผมคิดว่า ประหยัดมากสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่แรงระดับนี้ กับอัตราสิ้นเปลืองที่ผมคิดว่าดีมาก และรู้สึกว่า รถป้ายแดงคันหน้าของผมต้องเป็นชื่อรถของค่าย BMW อย่างแน่นอน แต่จะรุ่นไหน เดี๋ยวขอไปทดสอบให้ครบทุกรุ่นค่อยว่ากันครับ
เฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร
Chalermwong B.Kajorn
ผู้ดำเนินรายการตอบคำถามอุปกรณ์กอล์ฟ คลื่น FM99 รายการ Golf Trick ทุกวันศุกร์ เวลา 9:00-10:00 น.
1 / 7 /2559
https://www.facebook.com/GolferOnlineMag/
Official Line : @golferonline
Tags : Car , รถยนต์ , บีเอ็มดับบลิว , บีเอ็มดับเบิลยู