ตรวจสุขภาพไม้กอล์ฟประจำปี
เรียบเรียงโดย สรินทร์ สุทธิภิรมย์รัก
01 Feb 2017
- Shares:
ทุกๆ ปี พวกเราทุกคนคงต้องหาเวลาไปตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี ไปหาหมอเช็คดูสิว่า เรายังแข็งแรง หรือเป็นโรคอะไรหรือไม่ แล้วการตรวจสุขภาพไม้กอล์ฟประจำปี ที่ผมขึ้นหัวข้อไว้ มันคืออะไร ? เราตรวจหาอะไร ?
เรื่องของการตรวจสุขภาพไม้กอล์ฟประจำปี จริงๆ แล้วมันก็คล้ายๆ กับการตรวจสุขภาพความแข็งแรงของนักกอล์ฟนั่นแหละ ว่าจริงๆ แล้วความแข็งแรงและความสมบูรณ์แบบของการสวิงของนักกอล์ฟมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ในนักกอล์ฟเยาวชนเมื่อเวลาผ่านไปความแข็งแรงเพิ่มขึ้น สเปคไม้กอล์ฟนักกอล์ฟก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไป สเปคไม้ควรจะแข็งขึ้น หนักขึ้น หรือยาวขึ้น เพื่อให้ไม้กอล์ฟมาแมทช์กับวงสวิงของเรา ส่วนนักกอล์ฟส.ว.ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักกอล์ฟที่อายุจากเลข 2 ย่างเข้าเลข 3 เลข 3 ย่างเข้าเลข 4,5 และ 6 ตามลำดับ พละกำลังย่อมมีความถดถอย ร่วงโรยไปตามวัย ไม้กอล์ฟที่ใช้ก็มีแนวโน้มว่าควรอ่อนลง เบาลง เป็นต้น
การที่เรามีการตรวจเช็คไม้กอล์ฟของท่านอย่างน้อยสักปีละครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ความแข็งแรงของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จะช่วยให้นักกอล์ฟยังสามารถรักษาฟอร์มการเล่น รักษาระยะทางในการตีให้เทียบเท่ากับฟอร์มเดิมๆ สมัยที่ท่านทั้งหลายยังรุ่งอยู่ ซึ่งสิ่งที่เราควรจะตรวจเช็คมีอะไรบ้าง
1.คุณภาพของกริพ
แม้ว่ากริพจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของนักกอล์ฟ แต่การที่เราตรวจเช็คสภาพกริพสักปีละครั้งก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะกริพที่เสื่อมคุณภาพลง เช่น เนื้อยางแข็งขึ้น กริพลื่นขึ้น เนื้อยางสึกหรอ เป็นรอยปั้มนิ้วมือ ทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อคุณภาพในการจับกริพ ไม่มากก็น้อย
นักกอล์ฟอาจต้องจับกริพแรงขึ้น เพื่อให้รู้สึกมั่นใจในการสวิง ซึ่งการจับกริพแรงเกินไป ไม่ส่งผลดีกับการสวิง ฉะนั้นหากเรารู้สึกว่าต้องออกแรงบีบกริพแน่นเกินไป ลองตั้งสมมุติฐานว่า กริพเราอาจเสื่อนคุณภาพไปแล้วก็ได้ การเปลี่ยนกริพใหม่เข้าไป จะช่วยทำให้สวิงท่านกลับมากระชุ่มกระชวย ตีไม้ทุกอย่างได้เฉียบคมดังเดิม
2.ขนาดกริพ
นักกอล์ฟหลายๆ คน อาจยังไม่เคยฟิตติ้งขนาดกริพ ว่าจริงๆ ตัวเองควรใช้กริพขนาดท่าไหร่ หลายคนอาจจะใช้ไซร์มาตรฐานมาตลอด ออกมาจากโรงงานเท่าไหน ก็ใช้เท่านั้นมาตลอด จริงๆ แล้วขนาดของกริพมีผลมากๆ กับการควบคุมทิศทางในการตีของนักกอล์ฟ โปรกอล์ฟบางคนถึงขนาดต้องสั่งออร์เดอร์พิเศษให้ทำขนาดกริพให้ได้ขนาดที่พอดีเป๊ะ ห้ามขาดห้ามเกิน โปรบางคนรู้ถึงขนาดว่า ต้องพันกระดาษกาวกี่ชั้น ต้องดึงกริพให้ยืดเล็กน้อย เพื่อให้กริพบางลง เพื่อให้ได้ขนาดกริพที่พอดี เป็นต้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีผลกับการควบคุมทิศทางในการตี และสร้างความมั่นใจให้กับนักกอล์ฟทั้งสิ้น นักกอล์ฟท่านใดที่ไม่เคยฟิตติ้งขนาดกริปเลยมาทั้งชีวิต ลองฟิตติ้งกันดู แล้วท่านอาจพบว่าแค่เปลี่ยนขนาดของกริพ พลิกชีวิตกอล์ฟท่านได้
3.Loft & Lie Angle
เชื่อว่านักกอล์ฟสมัครเล่นหลายๆ ท่าน ไม่ค่อยได้ทำอะไรเกี่ยวกับ Loft หรือ Lie Angle ของเหล็กในเซตของท่าน แต่จริงๆ แล้ว บรรดาโปรกอล์ฟอาชีพให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งเราจะเห็นในแมทช์การแข่งขันกอล์ฟต่างๆ จะต้องมีทีมคลับเมคเกอร์สแตนด์บายไว้เพื่อบริการปรับแต่งไม้กอล์ฟตามที่โปรกอล์ฟอาชีพต้องการ ซึ่งการดัด Loft และ Lie หรือเปลี่ยนกริป เป็นงานที่คลับเมคเกอร์จะต้องเจออยู่บ่อยๅ เวลาที่นักกอล์ฟมาแข่งยังทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ
ในการดัด Loft และ Lie Angle จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของวิถีลูกพุ่งสูง พุ่งต่ำ และทิศทาง ซึ่งบรรดาโปรกอล์ฟอาชีพจะรู้ตัวเองว่า ในแต่ละสัปดาห์ เกิดอะไรขึ้นกับสวิงของเขา หรือไม้กอล์ฟของเขามีอะไรที่ผิดเพี้ยนไป การปรับเปลี่ยนองศาของ Loft และ Lie จะช่วยทำให้โปรกอล์ฟเหล่านั้น ควบคุมลูกกอล์ฟไปในทิศทางและระยะที่เขาต้องการ
สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นก็สามารถดัด Loft และ Lie Angle ได้เช่นกัน โดยเฉพาะนักกอล์ฟที่ตีวิถีโด่งไป ต่ำไป ออกขวาประจำ ออกซ้ายประจำ แค่ดัด Loft หรือ Lie Angle ชีวิตท่านจะเปลี่ยนในทันที
เหล็กที่สร้างมาจากเหล็กคาร์บอนสตีล ซึ่งเป็นเหล็กอ่อน เวลาที่มีการใช้งานบ่อยๆ นานๆ องศาอาจเพี้ยนได้ ก็ต้องมีการตรวจเช็คเพื่อดัดกลับให้ได้องศาดังเดิม
4.ความยาวไม้กอล์ฟ
นักกอล์ฟหลายท่านอาจเข้าใจว่าความยาวไม้กอล์ฟที่วางขายในท้องตลาด เป็นความยาวมาตรฐาน ในความเป็นจริงมันเป็นความยาวมาตรฐานในการผลิตไม้กอล์ฟจำนวนมาก ซึ่งความยาวมาตรฐานนั้นๆ อาจไปพอดีกับนักกอล์ฟกลุ่มหนึ่ง แต่อาจไม่พอดีกับนักกอล์ฟกลุ่มหนึ่งก็ได้ คำว่าไม่พอดี มีได้ทั้ง 2 แบบ คือ ไม่พอดีแบบยาวไป เกิดขึ้นกับนักกอล์ฟส่วนสูงน้อย กับไม่พอดีแบบสั้นไป เกิดขึ้นกับนักกอล์ฟสูงๆ การที่ไม้กอล์ฟมีความยาวไม่แมทช์กับนักกอล์ฟ ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง ล้วนทำให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการสวิงของนักกอล์ฟสูญเสียไป
การตรวจวัดความยาวของนักกอล์ฟจะมีการตรวจเช็คการไล่เรียงความยาวของไม้กอล์ฟเบอร์ต่างๆ ทั้งถุงด้วย ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะบางครั้งนักกอล์ฟไปซื้อชุดเหล็กมือ 2 มา โดยไม่รู้ว่าชุดเหล็กนั้นๆ เคยผ่านการตกแต่ง โมดิฟาย หรือก้านหักไปแล้วในบางเหล็ก ซึ่งมีบ่อยครั้งที่เจอว่า ความยาวเหล็กบางอันในเซตผิดเพี้ยนไป โดยที่เราก็ไม่รู้มาก่อน ทำให้การตีเหล็กเบอร์นั้นๆ มีปัญหาตลอด
การได้มีโอกาสตรวจเช็คความยาวเหล็กให้เหมาะกับสรีระเรา และการไล่ความยาวของไม้กอล์ฟทุกอันในถุงก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพในการสวิงดีขึ้น
5.Swing Weight
เรื่องค่า Swing Weight เป็นอีกหนึ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะนักกอล์ฟที่ไม่เคยโมไม้ และอาจไม่เคยเช็คค่า Swing Weight ของไม้กอล์ฟตัวเอง มันมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า ไม้กอล์ฟโนเนม หรือไม้กอล์ฟมือสองที่ผ่านการโมมาแล้วหลายรอบ มีค่า Swing Weight ในชุดเหล็กผิดเพี้ยนไปจากสเปคปกติ ซึ่งเกิดจากการโมตามฟิลลิ่งของนักกอล์ฟ หรือเกิดจากมาตารฐานการตรวจสอบจากโรงงานไม่ดีพอ ทำให้เมื่อมาถึงมือเรา ค่า Swing Weight ในบางเหล็กที่ผิดเพี้ยนไป ไม่แมทช์กับเรา จนทำให้สร้างปัญหาในการตีขึ้นมาได้
การได้ทำการตรวจเช็คอย่างละเอียดในไม้ทุกๆ อันในถุง ก็จะสามารถช่วยให้ท่านนักกอล์ฟตีไม้ทุกอันในถุงได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันหมด
6.น้ำหนักไม้
เรื่องของน้ำหนักไม้ส่งผลอย่างไรกับนักกอล์ฟ เอาแบบสั้นๆ ได้ใจความ ไม้กอล์ฟหนักไป เร่งไม่ขึ้น สปีดไม่มา ไม้กอล์ฟเบาไป เร่งได้ คุมไม่ได้ ไม้กอล์ฟหนักพอดี เร่งได้ คุมได้
เรื่องของน้ำหนักไม้กอล์ฟที่เหมาะสมนั้น จะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของนักกอล์ฟ ณ ช่วงเวลานั้นๆ นักกอล์ฟเยาวชน เมื่อโตขึ้น มีแนวโน้มที่จะใช้ไม้ที่หนักขึ้น นักกอล์ฟผู้ใหญ่เมื่อแก่ตัวลง ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้ไม้ที่เบาลง ส่วนนักกอลล์ฟที่อยู่ในช่วงวัยที่ไม่ได้เป็นรอยต่อของวัยเด็ก กับ วัยส.ว. หากมีการฟิตกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น อาจต้องเปลี่ยนน้ำหนักไม้กอล์ฟให้หนักขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรตายตัว ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายนักกอล์ฟในช่วงนั้นๆ ว่าเหมาะกับน้ำหนักไหน
ไอเดียในการหาน้ำหนักไม้กอล์ฟที่เหมาะสม จำเป็นต้องมีการทดสอบกับเครื่อง Launch Monitor เพื่อเช็คข้อมูลเรื่องความเร็วหัวไม้ ความนิ่งในการตี การกระจายของกลุ่มลูกกอล์ฟ เพื่อหาน้ำหนักไม้กอล์ฟที่เหมาะสมให้กับตัวเอง
7.ความแข็งของก้าน
ก้านอ่อนไปคุมทิศทางไม่ได้ ก้านแข็งไป ตีแล้วเหนื่อย แข็งเวอร์ๆ ตีแล้วบานขวา
ความแข็งของก้านจะขึ้นตรงกับความเร็วหัวไม้ของท่านนักกอล์ฟแต่ละคน ซึ่งเราควรจะหมั่นตรวจสอบว่าความสามารถในการสร้างความเร็วของเรา ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร เพื่อเลือกความแข็งของก้านให้เหมาะสม นักกอล์ฟเยาวชน เมื่อเติบโตขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้ก้านแข็งขึ้น นักกอล์ฟผู้ใหญ่เมื่อแก่ตัวลง ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้ก้านที่อ่อนลง การเลือกความแข็งของก้านที่เหมาะสมจะทำให้ท่านนักกอล์ฟตีไกล ตีสบาย และตีตรง
8.โครงสร้างของใบเหล็ก หรือหัวไม้
นักกอล์ฟที่มีปัญหาตีไม่ไกล ไม่ตรง บางครั้งแค่เปลี่ยนไม้กอล์ฟให้มีรูปแบบการออกแบบแตกต่างออกไปจากเดิม จะช่วยทำให้ตีตรงขึ้น และไกลขึ้นด้วย
สำหรับนักกอล์ฟที่เริ่มมีอายุมากขึ้น อาจพบว่าระยะทางในการตีไม้กอล์ฟเบอร์ต่างๆ ถดถอยลง ให้ลองปรับเปลี่ยนลักษณะการออกแบบโครงสร้างของหัวไม้หรือใบเหล็กดู หรือเลือกไม้กอล์ฟที่มีเทคโนโลยีต่างๆ ในการเพิ่มความเร็วลูกกอล์ฟ อาจจะช่วยทำให้ท่านยังสามารถตีได้ระยะทางเดิม ทั้งๆ ที่ความเร็วหัวไม้ลดลงก็ได้
ทั้ง 8 ข้อที่เขียนมา ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพในการสวิงของนักกอล์ฟไม่มากก็น้อย ลองตรวจเช็คดูแต่ละหัวข้อว่าท่านนักกอล์ฟมีปัญหาไปตรงกับหัวข้อไหน หรือลองเข้ามาปรึกษาเราดู โดยติดต่อได้ที่เบอร์ 02-722-8211 , 02-722-8212 , Mobile 086-519-4569
สรินทร์ สุทธิภิรมย์รัก
Keys: Fitting ฟิตติ้ง โมไม้ ทำไม้ ซ่อมไม้