รายการดิ โอเพ่นเมื่อปี 2007 สังเกตได้ว่ามีหลายหลุมที่เป็นพาร์ 4 ยาว เช่น หลุม 17 และหลุม 18 ที่เป็นพาร์ 4 ที่ทั้งยาวและยาก เป็น 2 หลุมพลิกพลันของการแข่งขันกอล์ฟในครั้งนั้น ทั้ง 2 หลุมยาวเกือบ 500 หลา แต่เราจะเห็นได้ว่าโปรกอล์ฟส่วนใหญ่มีวิธีการเล่นที่ใกล้เคียงกัน คือวางตัวในช็อตแรกด้วยหัวไม้แฟร์เวย์, ไฮบริด หรือเหล็กยาว เพราะทั้ง 2 หลุมมีน้ำซึ่งตัดเฉียงๆ กับแฟร์เวย์เป็นอุปสรรค หากพลาดพลั้งตกน้ำ จะทำให้เหลือระยะในการเล่นช็อต 3 ค่อนข้างมาก และส่วนใหญ่เมื่อพลาดตกน้ำตั้งแต่ช็อตทีออฟ สกอร์มักออกโบกี้ หรือมากกว่านั้น นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันจะๆ ในการแข่งขันระดับเมเจอร์ที่เต็มไปด้วยอดฝีมือ
ในการเล่นหลุมพาร์ 4 ยาวของนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไป เราสามารถนำเอาแนวความคิดของโปรระดับโลกมาใช้ดูได้ สมมุติว่าหลุมพาร์ 4 ยาว 450 หลา จัดว่าเป็นพาร์ 4 ที่ค่อนข้างยาวสำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่น โอกาสได้พาร์ค่อนข้างยาก “หืดขึ้นคอ” แต่ถ้าหลุมสกอร์การ์ดเขียนว่าหลุมนี้เป็นพาร์ 5 และระยะอาจยาวกว่านี้สัก 20 หลา เราจะนึกในใจ พาร์ 5 สั้น โอกาสเบอร์ดี้มีสูง
ทำไมละ เคยตั้งคำถามกับตัวเองมั้ย ที่ระยะ 450 หลาเหมือนกัน เมื่อเป็นพาร์ 4 นักกอล์ฟมีโอกาสหลุดโบกี้มาก แต่เมื่อเป็นพาร์ 5 นักกอล์ฟกลับมีลุ้นเบอร์ดี้มากกว่า ซึ่งการพัตต์เบอร์ดี้ในหลุมพาร์ 5 ก็คือการพัตต์พาร์ในหลุมพาร์ 4 นั่นเอง ต่างกันตรงไหน
ปัญหาของเรื่องนี้คือ นักกอล์ฟบางคนยังคงมีความรู้สึกว่าการทำพาร์ส่วนใหญ่ของตนเองมักเกิดขึ้นได้เมื่อตีช็อต 2 เข้าไปใกล้กรีน ถึงจะมีโอกาสทำพาร์ได้ ถ้าต้องตีช็อต 3 จากระยะเกินกว่า 50 หลา โอกาสริบหรี่ ในขณะที่นักกอล์ฟคนเดียวกันเล่นในหลุมพาร์ 5 สั้น เมื่อเหลือช็อต 3 ระยะ 100 หลาหรือต่ำกว่า กลับมีความมุ่งมั่นที่จะทำเบอร์ดี้ให้ได้ โดยการแอพโพรชเข้าไปให้ใกล้ธง เพื่อพัตต์เบอร์ดี้
เมื่อนักกอล์ฟต้องเผชิญหน้ากับพาร์ 4 ยาว มักจะตีเบ่งเพื่อให้ได้ระยะมากเกินไป นำมาซึ่งปัญหาการตีไม่แม่นยำ จังหวะผิดเพี้ยน ตีไม่ตรง แต่ในขณะที่เล่นพาร์ 5 สั้น นักกอล์ฟมักให้ความสำคัญในการตีให้เข้าแฟร์เวย์ก่อนเป็นหลัก เพื่อให้ลูกลอยเด่นบนแฟร์เวย์ จะได้ตีได้เน้นๆ ในช็อต 2 และการหลุดแฟร์เวย์ในพาร์ 5 สั้น โอกาสที่ 2 ออนยาก
ครั้งต่อไปเมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับหลุมพาร์ 4 ยาว ให้คุณนำความรู้สึกของการเล่นหลุมพาร์ 5 มาใช้ คุณจะมีความกดดันในการเล่นน้อยลง การทำเบอร์ดี้ในหลุมพาร์ 5 สั้น เทียบเท่ากับการทำพาร์ในหลุมพาร์ 4 ยาว ขอให้คุณเน้นการทีออฟให้ลูกอยู่ในแฟร์เวย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดประการแรก ด้วยอุปกรณ์ ชิ้นไหนก็ได้ที่คุณมั่นใจว่าสามารถตีให้อยู่ในแฟร์เวย์ได้ คุณอาจเลือกใช้แฟร์เวย์ วูดส์ หรือไฮบริดทีออฟ หรือเหล็ก 2 แบบโปรเม หากเลย์เอาท์ของหลุมนั้นค่อนข้างบีบ มีอุปสรรคมาก หรือคุณจะเลือกใช้หัวไม้ 1 หากเลย์เอาท์เปิดโล่ง ให้ใส่กันได้เต็มๆ ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ในการตีช็อต 2 เล็งใส่กรีนได้
แต่หากช็อต 2 คุณตีไม่ถึงกรีน คุณก็ยังเหลือระยะต่ำกว่า 100 หลา ใช้เวจด์ตีเข้าไปให้ใกล้ธงลุ้นพาร์ได้เหมือนกัน และหากพลาดพลั้งก็เสียเพียงแค่โบกี้ ไม่หลุดไปมากกว่านี้ การเล่นลักษณะนี้ก็เหมือนกับที่บรรดาโปรกอล์ฟระดับโลกวางแผนการเล่นในหลุมพาร์ 4 ยาวเกือบ 500 หลา ในรายการดิ โอเพ่นเมื่อปี 2007 หรือ บริทิช โอเพ่นที่น้องเมกำลังแข่งอยู่ในขณะนี้ (กรกฐาคม 2559)
...นักกอล์ฟบางคนยังคงมี
ความรู้สึกว่าการทำพาร์ส่วนใหญ่
ของตนเองมักเกิดขึ้นได้เมื่อตีช็อต
2 เข้าไปใกล้กรีน ถึงจะมีโอกาส
ทำพาร์ได้...แต่จริงๆ แล้ว ถ้าคุณเบอร์ดี้ง่ายๆ
ในหลุมพาร์ 5 สั้น พาร์ 4 ยาว คุณก็ควรจะทำพาร์ได้เช่นกัน
ทั้งหมดอยู่ที่มุมมองครับ
เรื่อง : SP700
ผู้อ่านท่านใด เห็นว่าบทความนี้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ ขอความเมตตาพิจารณาบริจาคเงิน เพื่อบริจาคเงินสนับสนุนเรา เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้เราสามารถทำงานอย่างมีอิสระ ในการผลิตผลงานที่มีประโยชน์ต่อไป
Donate
หากบทความนี้มีประโยชน์กับท่านหรือเพื่อนร่วมก๊วน ฝากกดแชร์ที่เครื่องหมาย F ด้านใต้ข้อความนี้ครับ ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่านบทความของเรา